WHO เยือน สสส. ร่วมวางรากฐานความร่วมมือ ขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพ สู่มาตรฐานโลก

 

WHO เยือน สสส. ร่วมวางรากฐานความร่วมมือ ขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพ  สู่มาตรฐานโลก

นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ ที่เมื่อกลางเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา ผู้บริหาร สสส. นำโดย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการ สสส. ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการ สสส. และ ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. ได้ให้การต้อนรับ Dr. Ailan Li ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทยท่านใหม่ เพื่อขับเคลื่อนวาระความร่วมมือด้านสุขภาพที่สำคัญยิ่ง พร้อมด้วย ดร.ธีราณี เตชะศรีวิเชียร ผู้เชี่ยวชาญ WHO ประจำประเทศไทย

การประชุมหารือมุ่งสร้างความร่วมมือด้านสุขภาพของไทย

การหารือครั้งนี้ไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศ แต่เป็นการวางฐานเพื่อขยายผลในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมุ่งเน้นประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่คนทำงานด้านสุขภาวะต้องจับตามอง ได้แก่

  • การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า
  • ปัจจัยเชิงพาณิชย์ที่มีผลต่อสุขภาพ
  • การพัฒนาเด็ก
  • การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
  • การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ
  • สุขภาพชายแดน

DOPA Framework หัวใจของการปรับกลยุทธ์ สสส.

สสส. ได้นำเสนอการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์สู่แนวทาง “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ชุมชนเป็นพลังขับเคลื่อน” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยมี DOPA Framework เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนงานอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย

  • Data-driven ใช้ข้อมูลท้องถิ่นออกแบบกิจกรรมสุขภาพที่เหมาะสม
  • Outcome-driven มุ่งผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง
  • Partner-driven ร่วมมือกับภาคีทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาสังคม
  • AI-driven ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

โมเดลนี้เริ่มทดลองผ่าน “กองทุนสุขภาพตำบล” ซึ่งร่วมกับ สปสช. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ประโยชน์ด้านสุขภาพถึงประชาชนโดยตรง หนึ่งในความสำเร็จคือโครงการ “ธนาคารหมวกกันน็อก” ขององค์การบริหารส่วนตำบลป่าก่อ จังหวัดเชียงราย ที่นำข้อมูลท้องถิ่นมาเป็นฐานในการออกแบบกิจกรรมสุขภาพ (Data-driven) ผ่านการรวบรวมข้อมูลเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 7 แห่ง เพื่อจัดหาหมวกกันน็อกให้เพียงพอต่อความต้องการของนักเรียนแต่ละศูนย์ พร้อมวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของผู้ปกครองเพื่อกำหนดแนวทางรณรงค์ที่ตรงจุด ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่สามารถวัดได้จริง (Outcome-driven) ด้วยการตั้งเป้าให้เด็กเล็กทุกคนมีหมวกกันน็อกใช้ครบถ้วน เพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ปกครอง และลดการบาดเจ็บทางศีรษะจากอุบัติเหตุในเด็กเล็ก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ต่อยอดสู่การพัฒนานโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัด โครงการนี้ยังสะท้อนพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน (Partner-driven) ทั้งจาก สสส. และแผนงาน สอจร. ที่สนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นแกนหลักในการบริหารจัดการพื้นที่ ตลอดจนเครือข่ายสโมสรแบดมินตันทั่วประเทศที่ร่วมกันจัดกิจกรรม “ตีแบดเพื่อหัว” เพื่อระดมทุนจัดซื้อหมวกกันน็อกสำหรับเด็ก ถือเป็นตัวอย่างของการทำงานที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในเป้าหมายเดียวกัน และในอนาคต สสส. ยังมีแนวทางต่อยอดด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (AI-driven) ผ่านระบบฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อบริหารจัดการธนาคารหมวกกันน็อกอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการใช้ การซ่อมแซม และการหมุนเวียนหมวกในแต่ละศูนย์ รวมถึงนำข้อมูลมาวิเคราะห์แนวโน้มความปลอดภัยของเด็กในพื้นที่ต่างๆ ด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะและวินัยความปลอดภัยให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน โครงการนี้มีการสวมหมวกกันน็อกครบ 100% ในศูนย์ที่เข้าร่วม ปัจจุบันขยายแล้วกว่า 400 ศูนย์ และตั้งเป้าครอบคลุมกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ

บทบาทระดับภูมิภาคและโลก

สสส. เตรียมเป็นเจ้าภาพร่วมการประชุม SEAPAC 2025 (การประชุมกิจกรรมทางกายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ซึ่งต่อยอดจาก “ปฏิญญากรุงเทพฯ ปี 2559” และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการระดับโลกด้านกิจกรรมทางกาย 2561–2573 (GAPPA) รวมถึงการหารือโครงการ “National Step Challenge” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกกำลังกายมากขึ้น โดยมี WHO ให้การสนับสนุนเชิงวิชาการ

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา แผนแม่บทสุขภาพชายแดน เพื่อดูแลแรงงานและแรงงานข้ามชาติ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ระบบสุขภาพมีความรอบด้าน

Dr. Ailan Li ยืนยันความพร้อมของ WHO ในการสนับสนุนประเทศไทย บนพื้นฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ พร้อมย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางสุขภาพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเวทีโลก

 

Shares:
QR Code :
QR Code