10 แนวทางพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
10 แนวทางพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข ลดหรือเพิ่มอุปนิสัย ในการพัฒนาตนเองได้ทุกด้านในชีวิตไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานอดิเรก หรือธุรกิจส่วนตัว สำหรับ 10 แนวทางนี้สามารถนำมาปรับใช้กันง่ายๆ ดังนี้
.
1.หยุดผัดวันประกันพรุ่ง
การเพิ่มระดับความใส่ใจในชิ้นงาน แทนการผัดวันประกันพรุ่ง
เพื่อให้คุณภาพงานที่ทำออกมาดีและไม่เครียด
2.อยู่กับปัจจุบันทำวันนี้ให้ดีที่สุด
อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง อย่าตั้งเป้าหมายที่ชี้วัดไม่ได้
และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
3. กล้าเผชิญหน้ากับความสำเร้จ
มีจุดยืนของตัวเองไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไรในความคิดของเขา เขาก็จะมุ่งมั่นทำมันเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถทำมันได้ และจะภูมิใจในความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จในที่สุด
4.เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
กล้าลองทำในสิ่งที่ไม่รู้และไม่เคยทำมาก่อน โดยไม่กังวลว่าจะเกิดความผิดพลาดหรือความล้มเหลว วันนี้อาจจะยังไม่รู้แต่ถ้ามุ่งเรียนรู้อย่างตั้งใจจริงจะเกิดความเชี่ยวชาญและทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเกิดผลลัพธ์ตามต้องการ
5. ฝึกจัดตารางชีวิต
ชีวิตของเรามักจะมีงานมากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะงานประจำ งานบ้าน งานอดิเรก ฯลฯ สิ่งที่คนเรามักชอบกล่าวเป็นข้ออ้างคือ “ไม่มีเวลา” ดังนั้น พยายามมุ่งความสำคัญไปที่งานสำคัญในชีวิตคุณ จะช่วยจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้นได้ดี และงานเสร็จทันเวลาที่กำหนดไว้
6. พร้อมรับมือกับสิ่งไม่คาดคิด
สามารถการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าหรือการพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดได้ ดังนั้น ต้องเตรียมรับมือตลอดเวลา เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
7. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี
ควรเรียนรู้ทักษะการเข้าสังคม การแสดงความคิดเห็น การพูดคุยเจรจา
เพื่อพัฒนาตนเองให้ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ
8.หยุดเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
เมื่อไรที่คุณเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น คุณจะสูญเสียความเป็นตัวตน เป้าหมายและสติได้ง่ายมากเพราะการแข่งขันคือการผลักดันตนเองเป็นสิ่งที่ดี จะทำให้คุณรู้จักแย่เกินความเป็นจริงเสียมากกว่า
9.หยุดนึกถึงอดีตที่ล้มเหลว
ความล้มเหลวเป็นตัวชี้ข้อผิดพลาดที่คุณเคยทำผ่านมา คือทางผ่านเป็นเรื่องของขบวนการ ไม่ได้เป็นจุดจบของทั้งชีวิต
10. เรียนรู้ภาษาใหม่ๆเพิ่มเติม
จะช่วยในการทำงานหลายๆอย่างได้พร้อมกัน คนที่สามารถเรียนรู้หลายภาษา จะรับรู้ถึงสถานการณ์ต่างๆรอบตัวได้อย่างดี เป็นผลจากการฝึกเรียนรู้ การพูด ฟัง เขียน ในรูปแบบที่ต่างกันนั่นเอง