ภาคีเครือข่าย สสส.จ.ภูเก็ต รวมพลังบูรณาการความร่วมมือสู่ “ความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ เดินหน้าสู่สังคมสุขภาวะอย่างยั่งยืน”
เพิ่งจบไปไม่นานสำหรับเวที โชว์ แชร์ เชื่อม : ตอน “ภูเก็ตเกาะแห่งสุขภาวะเพื่อชีวิตแห่งอนาคต…ร่วมกันเราทำได้” เมื่อวันที่ 15-16 มกราคม 2568 ณ โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เวทีที่เกิดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต เป็นโอกาสที่ทำให้คนทำงานแวดวงสุขภาวะได้มาพบปะ พูดคุย ร่วมแลกประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อยกระดับการทำงานในประเด็นสุขภาวะให้สามารถขับเคลื่อนไปในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อคนภูเก็ต และสังคมโดยรวม
ทั้งนี้ ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส และรักษาการผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สสส.กล่าวถึงหัวข้อ “กลไกบูรณาการฯ สู่ความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ เดินหน้าสู่สังคมสุขภาวะอย่างยั่งยืน” ว่า
“จังหวัดภูเก็ตเป็นเป้าหมายสำคัญของการท่องเที่ยว มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประชากรแฝง แรงงานต่างด้าวและแรงงานนอกระบบ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้าน 1.การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของกลุ่มคนต่างๆ ในภูเก็ต ทั้งคนพื้นที่ ชาวต่างชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ 2. อาหาร วัฒนธรรม การเข้าถึงสาธารณูปโภค 3.การจัดการขยะ 4.การจัดการน้ำ และ 5.การรับมือกับภัยธรรมชาติ ส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ เช่น โรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
การลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพในจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่หน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ไปจนถึงภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันกำหนดนโยบายและมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง เช่น การส่งเสริมให้ชุมชนจัดการสุขภาพตนเอง ทั้งในการดูแลผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง หรือการกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมผ่านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้การคำนึงถึงความหลากหลายของประชากรในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งเชื้อชาติ ศาสนา เพศ และวัฒนธรรมที่แตกต่าง การวางแผนระบบสาธารณสุขต้องมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนแต่ละกลุ่ม
ภูเก็ตยังมีศักยภาพจากภาคเอกชนในระดับสูง เนื่องจากมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก การประสานงานเพื่อดึงทรัพยากรด้านงบประมาณ ความเชี่ยวชาญ และเครือข่ายของภาคธุรกิจ จึงถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพให้แก่ประชาชนและแรงงานในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
หากทุกภาคส่วนในจังหวัดภูเก็ตสามารถผนึกกำลังและบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมมีโอกาสที่จะก้าวสู่สังคมสุขภาวะอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพได้อย่างแท้จริง และสร้างผลดีต่อภาพรวมของทั้งจังหวัดและสังคมในระยะยาว”
ด้าน นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว สมัชชาสุขภาพ จ.ภูเก็ต เล่าถึงการรวมพลังของภาคีเครือข่ายในเวทีครั้งนี้ว่า นับเป็นเป็นโอกาสที่ดีที่ สสส. ได้จัดเวทีโชว์ แชร์ เชื่อม เพื่อเปิดพื้นที่กลางให้กับภาคี จากเดิมที่ภาคีคุยกันแค่ภายในจังหวัด การที่มีกลไกภูมิภาคเข้ามาร่วมในกระบวนการด้วยนั้น เหมือนกับการหนุนเสริมและเติมเต็มทิศทางการทำงาน นอกจากนี้มีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายทำให้ภาคีมองเห็นภาพในทิศทางเดียวกันและทำให้การขับเคลื่อนงานไปสู่เป้าหมายง่ายขึ้น
“การรวมพลังของภาคีเครือข่าย คาดหวังการเข้ามาเชื่อมของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น โดยร่วมกับภาคท้องถิ่น เช่น อบจ. อยากให้เกิดความร่วมมือทั้งเรื่องบุคลากร ทุน และปัญญา เพื่อส่งเสริมให้สุขภาพของคนในภูเก็ตดียิ่งขึ้น”
ด้าน คุณเชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เล่าถึงการเข้าร่วมเวทีโชว์ แชร์ เชื่อม จ.ภูเก็ต ว่า ในภูเก็ตประกอบด้วยภาคเอกชนจำนวนมาก มีหลายหน่วยงาน หลายสมาคม ซึ่งมีภารกิจที่แตกต่างกันไป และจะร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาที่พบเจอในจังหวัด หนึ่งในปัญหาที่ภาคเอกชนกำลังกังวล คือ คุณภาพชีวิตของเด็ก ซึ่งนับเป็นหนึ่งในความมั่งคงทางสุขภาวะ
“เราพบว่าในศูนย์เด็กเล็ก เด็กอายุราว 2 ขวบ เกิดภาวะออทิสติกเทียม ซึ่งมีสาเหตุที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การใช้เวลาหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป ทำให้ขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ส่งผลให้พัฒนาการด้านภาษาและสังคมล่าช้า เมื่อเราไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้เด็กๆ กลายเป็นออทิสติก และภูเก็ตจะสูญเสียกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเมืองในอนาคต การแก้ไขเรื่องภาวะออทิสติกเทียมในเด็กต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งครอบครัว โรงเรียน สังคมรอบข้าง แพทย์ เป็นต้น จึงจะสามารถทำให้เด็กกลับมาสู่ภาวะปกติได้ นี่คือปัญหาที่ภาคเอกชนมองเห็นและพยายามร่วมกันแก้ไขปัญหา และมองหาภาคีภาคอื่นๆ เข้ามาร่วมกันขับเคลื่อน เช่น ภาคีภาครัฐ สภส.เข้ามาขับเคลื่อนงานสุขภาวะในพื้นที่วันนี้ ทำให้เราเกิดเครือข่ายหลากหลายภาคส่วนที่จะร่วมกันมองปัญหาและขับเคลื่อน ปรับกระบวนการทำงานไปด้วยกัน ร่วมกันวางแผนการป้องกันด้านสุขภาวะ ไม่ว่าจะเรื่อง NCDs ความเหลื่อมล้ำ ฯลฯ”