โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย ตอน “รวยเพื่อน รวยปัญญา @ พิจิตร”

 

มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร

 

26 ปี ของการก้าวย่าง มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตรก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2541 ปัจจุบันมีคณะกรรมการทั้งหมด 12 ท่าน โดยมี ดร.ยุพา อุดมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร และนายสุรเดช เดชคุ้มวงศ์ เป็นรองประธานกรรมการมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร และนางสาววรารัตน์ หมวกยอด เป็นเลขานุการกรรมการมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร มีอาคารสำนักงานเป็นสถานที่ตั้งเลขที่ 4/178-179 ถนนสระหลวง ตำบล ในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร

วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
1) ส่งเสริมและร่วมมือกับประชาคมหรือหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชนและกลุ่มประชาชนต่างๆในการพัฒนาชุมชน และท้องถิ่นแบบยั่งยืน
2) ส่งเสริมและสนับสนุนความสามารถของเกษตรกร และกลุ่มอาชีพต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของครอบครัว ตามแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง
3) ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนเพื่อให้เป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพ
4) ส่งเสริมการศึกษา วิจัย และการเผยแพร่งานวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นแบบยั่งยืน
5) ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความเป็นกลาง และไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด
6) ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
7) ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์

การขับเคลื่อนงานของมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร
ปัจจุบันได้พัฒนาแนวคิดการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ให้เป็นการขับเคลื่อนด้วย พลัง“บวร” (บ้าน,วัด,ราชการ) โดยให้เครือข่ายผู้สูงอายุเป็นแกนกลางในการเคลื่อน ด้วยวิสัยทัศน์ร่วมของผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร ทางมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร ได้มีการสร้างคนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีบทบาทในการทำงานภาคประชาสังคม พร้อมกับเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมให้สามารถร่วมกันทำงานไปในทิศทางเดียวกันได้หรือที่เรียกว่า “ผู้นำแถวสอง” ผ่านกระบวนการสนับสนุนของ สสส. สำนัก 6 โดยการเป็นหน่วยจัดการระดับจังหวัด ภายใต้แนวคิดการพัฒนาพี่เลี้ยงเพื่อ สนับสนุนงานพื้นที่ ซึ่งมีแกนนำรุ่นใหม่ที่ทาบทามมาจากหลากหลายองค์กร เช่น จากสาธารณสุข จากท้องถิ่น จากภาคเกษตร จากเครือข่ายครู เครือข่ายแกนนำเด็ก และเยาวชนในสถานศึกษาที่เป็นคนพิจิตรแต่สังกัดอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ได้ออกมา ร่วมเป็นพี่เลี้ยงให้กับเครือข่ายคนทำงานในพื้นที่

งานที่ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อเนื่อง

• เป็นองค์กรที่เป็นพี่เลี้ยงขับเคลื่อนงานสังคมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร
• หน่วยจัดการระดับจังหวัด สำนัก 6 สสส.
• เลขาสมัชชาสุขภาพจังหวัดพิจิตร
• แกนกลางในการประสานงานขับเคลื่อนกลไกเครือข่ายภาคเหนือตอนล่าง สนับสนุนโดย สภส. สสส.
• ศูนย์ประสานงานภาคีจังหวัดพิจิตร (ศปพจ.) เก็บรวบรวมและบรรจุข้อมูลศักยภาพของวิทยากรกระบวนการ ผู้นำชุมชนและพลเมืองจิตอาสาของจังหวัดพิจิตร รวมไปถึงกรณีศึกษาชุมชนตัวอย่าง
• แกนประสานงานในจังหวัดส่งเสริมด้านสุขภาพ ในการขับเคลื่อนงานร่วมกับสถาบันอาชีวะศึกษาในการลดปัจจัยเสี่ยงทางด้านสุขภาพ

การขับเคลื่อนงานสังคมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร
แนวคิดการขับเคลื่อนสังคมสูงวัย จากปัญหาเชิงโครงสร้างประชากรของจังหวัดพิจิตร ปัจจุบันโครงสร้างของประชากรในประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยสัดส่วนของผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สัดส่วนของคนวัยทำงานจะเริ่มลดลง และสัดส่วนของเด็ก (0-15 ปี) ก็ จะลดลงเรื่อย ๆ ขณะที่คนวัยทำงานซึ่งมีพี่หรือน้อง น้อยลง จะต้องมีภาระเพิ่มขึ้นทั้งเลี้ยงดูพ่อ แม่ และลูกของตนมากขึ้น “เปลี่ยนภาระ เป็นพลัง” ก่อเกิดการขับเคลื่อนงานสร้างสังคมไม่ทอดทิ้งกัน จ.พิจิตร โดยมีแนวคิดคือเปลี่ยนจากปัญหา เปลี่ยนวิธีคิด จากผู้สูงอายุที่ถูกมองว่า เป็นภาระให้เป็นพลัง โดยมุ่งไปที่กลุ่มผู้สูงอายุติดสังคมซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่ ของจังหวัดพิจิตร ที่ยังมีศักยภาพ มีภูมิปัญญา กระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มเป็นชมรม ผู้สูงอายุทั้งในระดับ ตำบล อำเภอ จังหวัด โดยมีการจัดพื้นที่กลางให้เกิดการพบปะ ได้พูดคุย ได้ทำกิจกรรมเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อเกาะเกี่ยวกลุ่มได้แล้วก็มีการวางแผนร่วมกันให้ผู้สูงอายุมาร่วมสร้างสังคมไม่ทอดทิ้งกัน โครงสร้างคณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร ประธานชมรมผู้สูงอายุจ.พิจิตร คัดเลือกโดยคณะกรรมการชมรม ใช้รูปแบบการทาบทาม ไม่ใช่วิธีการลงคะแนนเสียงคัดเลือกคณะกรรมการชมรมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร มาจากประธานชมรมผู้สูงอายุระดับอำเภอและเลขาชมรม

นโยบายของชมรมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร
วิสัยทัศน์ คือ “ผู้สูงอายุ สุขภาพดี เป็นหลักชัย ภาคีบวรร่วมใจ สร้างสังคม 3 วัยไม่ทอดทิ้งกัน”
เป้าหมายคือสร้างฐานความเข้มแข็งของสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมของการก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society) โดยที่ทุกคนต้อง
เตรียมความพร้อมใน 4 เรื่องได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสังคม

ปัจจัยความสำเร็จ
● การประชุมกรรมการผู้สูงอายุต่อเนื่องในทุกเดือน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนงาน โดยกรรมการจะเป็นผู้แทนที่มาจาก 12 อำเภอร่วมประชุมเพื่อ
พูดคุย ติดตามและสื่อสารการดำเนินงานของแต่ละพื้นที่อำเภอ
● เวทีสัญจรผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร เป้าหมายคือเพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานเจ้าหน้าที่ ผู้สูงอายุ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตำบล ในอำเภอนั้นๆก็ได้กระตือรือร้น
ที่จะร่วมกันดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ โดยอาศัยกระบวนการ ที่เรียกว่า 4 ช. ได้แก่

โชว์ คือ นำเสนอสิ่งดีๆ ที่มีการดำเนินการขึ้นในพื้นที่
แชร์ คือ ชื่นชมและสื่อสารส่งต่อสิ่งดีๆ จากพื้นที่ออกสู่สาธารณะ
ช่วย คือ ช่วยเหลือในสิ่งที่พื้นที่ขาด เพื่อนำไปต่อยอดสู่สิ่งใหม่ที่ดีขึ้น
เชื่อม คือ ประสานเครือข่ายการทำงานทั้งในพื้นที่ นอกพื้นที่และเครือข่ายราชการที่เกี่ยวข้องในการหนุนเสริมซึ่งกันและกัน

● มหกรรมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร จากการหมุนเวียนเวทีสัญจร ทำให้พบของดีแต่ละพิื้นที่ จึงเกิดแนวคิดการจัดงานมหกรรมขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของกระบวนการจัดงานมหกรรมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร คือการประกาศศักยภาพของผู้นำผู้สูงอายุ
● โรงเรียนผู้นำผู้สูงอายุ คือกระบวนการอบรมผู้นำผู้สูงอายุ ที่สมัครใจจะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยเน้นไปที่แกนนำผู้สูงอายุหรือ
ผู้สูงอายุสำรอง เจ้าหน้าที่รพ.สต.ที่เป็นพี่เลี้ยงในพื้นที่ หรือเจ้าหน้าที่อบต.ของพื้นที่หรือที่เรียกว่า แกนนำ 3 ประสาน มีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างผู้นำแถวสองนวัตกรรมที่เกิดจากการขับเคลื่อนงานชมรมผู้สูงอายุจังหวัดพิจิตร

• ปั่นไปเยี่ยมไป “ดูแลตอนเป็นดีกว่าเห็นตอนตาย”
• ราวจับไม้ไผ่ การปรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้แก่ผู้สูงอายุในพื้นที่
• นุ่งซิ่นหิ้วปิ่นโต โชว์ผ้าขาวม้าคาดเอว สู่การเอาแรงร่วมจัดงานสัญจร
ผู้สูงอายุและสัญจรพลังบวรได้ แม้ขาดงบประมาณ
• ต้นไม้บำนาญชีวิต
• ผัก 14 อย่าง ในครัวเรือน
• ศูนย์กายอุปกรณ์

ระบบการจัดการ
กระบวนการจัดการที่ชมรมผู้สูงอายุให้ความสำคัญและต้องดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1. การจัดการความรู้ ด้วยกระบวนการถอดบทเรียน
2. การสื่อสารทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์ การสรุปและสื่อสารการขับเคลื่อนการทำงานระหว่างกัน การรายงานความก้าวหน้าของทุกอำเภอ
3. หน่วยงานองค์กรที่ร่วมเป็นทีมเลขา สนับสนุนงานเบื้องหลังให้แก่ชมรม เช่น งานข้อมูล งานประสานงาน ฯลฯ ซึ่งปัจจุบัน มีมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร
สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร และทีมพี่เลี้ยงที่อยู่ในพื้นที่ ที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมเชื่อมโยงกันเป็นทีม

 

โครงการเชื่อมประสานภาคีเครือข่ายสุขภาวะภาคเหนือตอนล่าง
เป้าประสงค์ของการดำเนินงาน
เกิดพื้นที่รูปธรรมการเชื่อมประสานภาคีเครือข่ายข้ามประเด็น ข้ามพื้นที่ ภาคีร่วมสร้างสุข 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์
สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์

วัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน
•เพื่อการพัฒนากลไก สานพลังกลไกขับเคลื่อนระดับพื้นที่สร้างสุข (นำร่อง) และยกระดับเครือข่าย ในการสร้างเสริมสุขภาพของเครือข่ายสร้างสุข ภาคเหนือตอนล่าง 8 จังหวัด
•เพื่อการจัดการระบบฐานข้อมูล ยกระดับการจัดการข้อมูลทุนศักยภาพของพื้นที่ นำมาสู่การพัฒนาเป็นระบบเทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่อสารสาธารณะ
•เพื่อเปิดพื้นกลางการเรียนรู้ ดำเนินงานและพัฒนาสู่การเชื่อมพลังเครือข่าย พลังภาคี
•เพื่อการจัดการความรู้ พัฒนาสู่การเชื่อมร้อยการปฏิบัติงานให้เกิดพื้นที่รูปธรรมของการขับเคลื่อนงานข้ามประเด็น ข้ามพื้นที่ โดยภาคีร่วมสร้างสุข 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง
•เพื่อการสื่อสารสู่สาธารณะ

 

กระบวนการดำเนินงาน
มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตรได้มีการออกแบบกระบวนการและดำเนินโดยอาศัย กิจกรรมและเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนาต่างๆ ดังนี้
1. กิจกรรมเวทีสัญจร ภายใต้ชื่อ “โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย” ประสานภาคีเครือข่ายภาคเหนือตอนล่าง โดยมีการหารือและวางเป้าหมายและแผนงานร่วมกัน ของแกนประสานจาก 8 จังหวัด จากการหารือใน “เวทีประชุมคณะทำงาน/ทีม วิชาการ/ที่ปรึกษา ออกแบบติดตามหนุนเสริม สานเสริมพลังภาคีเครือข่ายสุขภาวะ 8 จังหวัดภาคเหนือ ตอนล่าง ครั้งที่ 1” โดยมีเป้าหมายของการจัดเวทีจัดเวทีสัญจร โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย โดยจะสัญจรเดินทางลงไปในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ให้ครบทั้ง 8 จังหวัด วัตถุประสงค์ เพื่อมาเยี่ยมเยียน เติมพลังกาย พลังใจ เป็นการ กระตุ้นให้ภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ ได้เกิดความตื่นตัว ค้นหาพื้นที่ต้นแบบ การขับเคลื่อนงาน และทบทวนบทเรียน ในพื้นที่ ตำบล อำเภอ จังหวัด ของตนเอง และทบทวนบทเรียนเรื่องราวการทำงานของแต่ละพื้นที่โดยอาศัยกระบวนการ 4 ช. (โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย ) ได้แก่

โชว์ คือ เป็นการนำเสนอสิ่งดีๆ ที่มีการดำเนินงานในพื้นที่
แชร์ คือ เป็นการชื่นชม และสื่อสารส่งต่อสิ่งดีๆจากพื้นที่ออกสู่สาธารณะ
ช่วย คือ เป็นการช่วยเหลือในสิ่งที่พื้นที่ขาด เพื่อนำไปต่อยอดสู่สิ่งใหม่ที่ดีขึ้น
เชื่อม คือ เป็นการเชื่อมประสานเครือข่ายการทำงาน ทั้งในพื้นที่ นอกพื้นที่และเครือข่ายราชการที่เกี่ยวข้องในการหนุนเสริมซึ่งกันและกัน

2. กิจกรรมค้นหา 10 พื้นที่ต้นแบบใน 8 จังหวัด โดยมอบหมายให้ แต่ละจังหวัดทบทวนการขับเคลื่อนงานของตนเอง และนำเสนอข้อมูลพื้นที่ต้นแบบ โดยยึดหลัก 3 ทำ คือทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อเนื่อง จัดลำดับประเด็นที่มีความโดดเด่น และมีการขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นไปตามลำดับ

Shares:
QR Code :
QR Code