“สาน-เสริม-สร้าง บ้านไร่อุทัยยิ้ม”

 

บ้านไร่อุทัยยิ้ม
กลุ่มบ้านไร่อุทัยยิ้ม และสถาบันพัฒนาเยาวชน
และชุมชนเพื่ออนาคต

บริบทพื้นที่และสถานการณ์ปัญหา
ชุมชนบ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี มีพื้นที่ติดกับผืนป่ามรดกโลกห้วยขาแข้ง และมีความอุดมสมบูรณ์จากทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ผู้คนมีวิถีความผูกพันกับธรรมชาติทั้งทางตรงและทางอ้อมในมิติทางสังคม ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม ประเพณี วิถีการผลิตอาหารทางการเกษตร ความเป็นอยู่และมิติทางการเมืองสภาพพื้นที่ลุ่มน้ำเป็นพื้นที่ที่มีต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างมาก สำหรับอ.บ้านไร่ ในเขตของพื้นที่ต.บ้านไร่ และต.แก่นมะกรูดมีหมู่บ้าน ทั้งหมด 15 หมู่บ้าน ดั้งเดิมนั้นผู้คนส่วนใหญ่อพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ เมืองลาว แต่ละหมู่บ้านมีชนชาติพันธุ์ต่าง ๆ อาศัยอยู่ตามกลุ่มบ้าน เช่น

• ชาติพันธุ์ลาวครั่ง-ลาวเวียง จะอยู่ในส่วนของบ้านสะนำ บ้านห้วยป่าปก
บ้านหนองใหญ่ บ้านหัวนา
• ชาติพันธุ์ละว้า จะอยู่ที่หมู่บ้านหนองปรือ
• ชาติพันธุ์ขมุ อยู่ที่บ้านอีหลุบและบ้านหินตุ้ม
• ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง จะอยู่ที่บ้านแก่นมะกรูด
• ชาติพันธุ์ไทย-อีสาน จะอยู่ที่บ้านศาลาคลอง

แต่ละหมู่บ้าน แต่ละชาติพันธุ์ ก็จะมีวิถีความเป็นอยู่ทั้งด้านการอาหาร การกิน เครื่องแต่งกาย และวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกัน ซึ่งยังมีการอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นประเพณีปิดบ้านของชาวลาว-ขมุ ประเพณีแห่ค้างดอกไม้ การทอผ้าพื้นเมืองลายโบราณ การไหว้เจดีย์ ฯลฯ

ด้านประเพณี
• งานสงกรานต์ จะทำบุญต่อเนื่อง 7 วัน และจะมีการแห่ค้างดอกไม้ รอบๆ หมู่บ้านทุกวัน
• งานปิดบ้าน ชาวบ้านจะมีหยุดการทำงาน 3 วัน และจะทำอาหาร-ขนม มาเลี้ยงเจ้าบ้าน เช่น ขนมเส้น ขนมจ๊อก(นมสาว) ข้าวต้ม มีการละเล่นพื้นบ้านแบบในสมัยโบราณ ที่ลานหน้าบ้านของชุมชนทุกคืน
• งานตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา จะเป็นงานที่ทุกหมู่บ้านจะทำบุญตักบาตรเทโว โดยมีกิจกรรม ต้นทาน แห่ต้นดอกไม้เข้าวัด เป็นต้น

ด้านวัฒนธรรม
• การรำนางด้ง-นางแคน การรำผีนางด้ง เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชนเผ่าลาวเวียงมาแต่โบราณ เป็นการแสดงที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความสมดุลทางธรรมชาติของชุมชนลาวบ้านไร่
• การรำมวยโบราณ หลังจากหมดยุคของสงคราม เพื่อการอนุรักษ์ให้คงอยู่ศิลปะการต่อสู้ก็เปลี่ยนจากสนามรบมาอยู่ในการเล่นตามท้องถิ่น สำหรับบ้านสะนำมวยโบราณใช้เล่น แสดงต่อสู้แย่งชิงของด้วยท่ามวยในงานต่างๆ แต่ที่เล่นมากคือ งานสงกรานต์ในพิธีแห่ผ้าป่า เพราะในช่วงสงกรานต์จะถือว่าเป็นปีใหม่ของผู้ที่นับถือ พุทธศาสนา เป็นช่วงที่ผู้คนเชื่อกันว่าวิญญาณของครูจะเข้ามาแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการละเล่นพื้นบ้านอื่นๆอีก เช่น การเล่นหมากโมหมากแตง การเล่นเสือกินหมู การเล่นต้นกล้วย การเล่นสะบ้า เป็นต้น

ด้านอาหารพื้นบ้าน-ขนมท้องถิ่น
อาหารพื้นบ้านมีอั่วดอกแค (ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่น จะกินได้เพียงปีละ 1 ครั้ง ช่วงฤดูหนาว) แกงหยวก แจ่ว-อ่อมต่าง ๆ และอาหารประเภทเห็ด หน่อไม้ ฯลฯ และขนมพื้นบ้านจะมี ขนมข้าวโขบ ดอกจอก ทองม้วน จี่ ข้าวเม่า

ด้านการแต่งกาย
จะทอผ้าใช้เอง นุ่งซิ่นตีนแดง เป็นผ้าจกที่มีลวดลายงดงาม แต่ละลายมีที่มาแต่ละลายมีความหมายด้วยวิถีของชุมชน ซึ่งสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน คือ เด็กๆ ในชุมชนมีความเข้าใจในวิถีของตนเองน้อย และไม่รู้สึกภูมิใจในวิถีชุมชนตนเอง จึงเกิดแนวคิดที่จะพาเด็กๆ ในชุมชนเรียนรู้ชุมชน ผ่านกระบวนการกิจกรรม โดยจะนำประเด็นเรื่องของอาหาร พื้นบ้านมาเรียนรู้ ซึ่งสาเหตุที่หยิบเรื่องอาหารพื้นบ้านมาทำกิจกรรมเพราะเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงเรื่องราวของวิถีชีวิต ภูมิปัญญา และการจัดการทรัพยากรของคนในชุมชน และเป็นการเชื่อมพื้นที่การเรียนรู้กับคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ กลุ่มเป้าหมายสำคัญคือ เด็กในวัยประถมต้น ป.4 – ป.6 ซึ่งเป็นวัยที่จะเปิดโลกในการเรียนรู้ได้อย่างสนุก และ มีความสุข จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่งอกงามตามวิถีของคนขมุ เติบโตในชุมชนของตนเองได้ อย่างเข้าใจรากเหง้า และซึมซับความเป็นชาติพันธุ์ของตนเองอย่างภาคภูมิใจจาก คุณค่าของชุมชนที่มีอยู่ จะขยับไปสู่การสื่อสาร บอกเล่าวิถีวัฒนธรรมของตนเอง ให้เป็นที่รู้จัก และสร้างมูลค่าให้กับชุมชนของตนเองได้ในวันข้างหน้า

จากสถานการณ์ดังกล่าว กลุ่มบ้านไร่อุทัยยิ้ม และสถาบันพัฒนาเยาวชนและ ชุมชนเพื่ออนาคต จึงได้จัดทำโครงการ “พื้นที่นี้ดีจัง” ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 จนถึง
ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเกิด “เครือข่ายเด็กจังหวัดอุทัยธานี” ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มก่อการสุข เด็กเปลี่ยนเมือง เด็กเปลี่ยนเมืองยกกำลังสอง (จ.อุทัยธานี-จ.ตาก) กลุ่มเด็กขอบป่าตะวันตกสร้างเสริมพลังสุขภาวะพาชีวิตสมดุล เป็นต้น

กิจกรรมที่เกิดขึ้น / พื้นที่ได้ทำอะไรไปบ้าง
● คืนยิ้มให้ป่าหมาก
เปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์จากป่าหมากของชุมชนที่เป็นที่หลบซ่อนของเด็ก ๆ บางกลุ่ม สร้างการเรียนรู้ใหม่ เรื่องระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมชุมชนซึ่งป่าหมากเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำผืนสุดท้ายของชุมชน เชื่อมโยงให้เห็นประวัติศาสตร์ชุมชน ความเชื่อ ความคิด วิถีวัฒนธรรม และมีศาลเจ้าบ้าน เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของคนในชุมชน ทำกิจกรรมให้เด็กและคนในชุมชน เปลี่ยนความคิดจากป่ารกร้างเป็นป่า เรียนรู้ นำไปสู่วิถีการท่องเที่ยวที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
● เรียนรู้ประเพณีวิถีวัฒนธรรมของชุมชนแต่ละชาติพันธุ์
• ลาว –ปิดบ้าน /แห่ค้างดอกไม้
• กะเหรี่ยง-กินข้าวใหม่/ค้ำต้นไม้/เครื่องบินทอง/ลอยกระทง กลับคืนสู่ธรรมชาติ


ภาพแสดงประเพณีแห่ค้างดอกไม้

● เทศกาลอาหารชาติพันธุ์
รวมชุมชนชาติพันธุ์ในจังหวัดอุทัยธานี สื่อสารเรื่องอาหารชาติพันธุ์ของตนเอง ลาว ขมุ กะเหรี่ยง มอญ จีน ไทย เพื่อให้ชุมชนทดลองจัดกิจกรรมที่ฟื้นคืนวิถีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม สื่อสารให้สาธารณะเห็นความหมายของอาหารที่มีอยู่ในชุมชน ที่เกิดจากภูมิปัญญาและวิถีการพึ่งพิงป่าธรรมชาติ การกินอาหารที่เป็นยารักษาสุขภาพที่สอดคล้องวิถีชีวิต ของแต่ละชาติพันธุ์ ให้อาหารเล่าเรื่องความคิด ความเชื่อ ภูมิปัญญา ประวัติศาสตร์ชุมชน
● เทศกาลรสชาติแห่งท้องถิ่น
จุดคิดมาจากการต้องการสร้างพื้นที่เรียนรู้ให้กับศาลาไม้ร้อยปีของวัดบ้านไร่ที่กำลังจะชำรุดทรุดโทรมลงไป จึงชวนคนในบ้านไร่จัดกิจกรรมให้สื่อสารรสชาติของบ้านไร่ ที่ไม่ได้เป็นแค่อาหาร แต่ทำให้เห็นประวัติศาสตร์ของชุมชน/อาหารชุมชน/ของเล่นชุมชน/วัฒนธรรมชุมชน/วิถีชีวิตชุมชน ทั้ง 3 ชาติพันธุ์ (ลาว ขมุ กะเหรี่ยง) ชวนปลุก ชวนคิด ชวนทำ ให้เห็นถึงรากและวิถีของลาวครั่ง ลาวเวียงของอำเภอบ้านไร่ในทุกประเด็น การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีคนจากภายนอกเข้าร่วมกว่า 2,500 คน เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนบ้านไร่เห็นคุณค่าและความหมายของ“ศาลาไม้ร้อยปี” นำไปสู่การบูรณะให้แล้วเสร็จในเวลาต่อมา
● ตลาดม้องแลง
ตลาดของชุมชนที่สร้างฐานความคิดจากการสื่อสารของดีในชุมชนบ้านไร่ให้ชุมชนเป็นเจ้าของเอง เปิดทุกวันเสาร์ ช่วง 17.00-20.00 น. เป็นการรวมคนมีฝีมือ
ของอำเภอบ้านไร่มาปล่อยของ ปล่อยแสงที่มีอยู่ ให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้และรู้จักบ้านไร่มากขึ้น (ตอนนี้ปิดทำการเนื่องจากปัญหาโควิดทางวัดไม่สะดวกให้จัดกิจกรรมต่อเนื่อง)
● เปิดครัวกะเหรี่ยง
เป็นการหนุนเสริมคนรุ่นใหม่ใน ต.แก่นมะกรูด ให้รื้อฟื้นวิถีภูมิปัญญาด้านอาหารกะเหรี่ยง เพื่อใช้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ให้คนในชุมชนเห็นความสำคัญของวิถีดั้งเดิมที่กำลังถูกกลืนไปกับความคิดใหม่ๆ ที่จะทำให้คนในชุมชนลืมรากของตัวเอง เป็นการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้กับเด็กในชุมชนในรูปแบบใหม่ ที่ให้เด็กเป็นเจ้าของ การทำงานด้วยตนเอง ล้มลุกคลุกคลานลองผิดลองถูกด้วยตนเอง รู้จักการแก้ปัญหาของตัวเอง ครัวกะเหรี่ยง ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ในชุมชนเห็นคุณค่าและความสำคัญของการรักษาวัฒนธรรมกะเหรี่ยงให้คงอยู่ถึงรุ่นต่อไป

ผลการดำเนินกิจกรรม
1. เปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ในชุมชน เชื่อมร้อยคนแต่ละวัย วัยเด็ก คนหนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่ให้มีความสัมพันธ์ และถ่ายทอดความรู้ที่มีอยู่ให้กับคนในชุมชน สร้างการสื่อสารในทำงานร่วมกัน
2. พัฒนาศักยภาพเยาวชนให้เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวชุมชนของตนเองได้ ผ่านการสื่อสารสาธารณะในประเด็นต่างๆ เช่น ผ้าทอผ้าลายโบราณ อาหารถิ่น
ของเล่น พื้นที่การเรียนรู้ ฯลฯ
3. พัฒนาศักยภาพคนในชุมชนให้ลุกขึ้นมาจัดการตนเอง เห็นคุณค่าตนเองสร้างความหมายในการเรียนรู้พื้นที่ของตนเอง

“บ้านไร่บ่มเพาะ”
เป้าหมายใหม่ในการทำงานของคนบ้านไร่
● บ่มเพาะนักจัดกระบวนการเรียนรู้ชุมชนชาติพันธุ์
เป็นโปรแกรม บ่มเพาะที่สนับสนุนให้กับกลุ่มเด็กชาติพันธุ์รุ่นใหม่ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวเขตป่าตะวันตก (เพชรบุรี/กาญจนบุรี/อุทัยธานี/ตาก) ได้เรียนรู้และเข้าใจคุณค่าในความเป็นชาติพันธุ์ของตนเอง สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน ออกแบบพื้นที่การเรียนรู้ของตนเองได้ สร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการทำโครงการของตนเอง ริเริ่มสร้างกิจกรรมที่มุ่งแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน พร้อมกับการสร้าง พื้นที่การเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนในชุมชน มีแนวทางและเครื่องมือใน การพัฒนาการทำงานอย่างมีส่วนร่วมและต่อเนื่อง ใช้ความรู้ที่มีอยู่ในชุมชน
เป็นประเด็นขับเคลื่อนการเรียนรู้ และพัฒนาความคิด มีคำปรึกษาในการทำงาน แต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่องทั้งจากโค้ชและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่มีประสบการณ์ ในประเด็นที่สนใจและต้องการพัฒนาศักยภาพให้เข้มแข็ง ตลอดระยะเวลา 6 เดือนในโปรแกรม

● บ่มเพาะนักประกอบการชุมชนชาติพันธุ์
เป็นโปรแกรมบ่มเพาะกลุ่มเด็กชาติพันธุ์รุ่นใหม่ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวเขตป่าตะวันตก (เพชรบุรี/กาญจนบุรี/อุทัยธานี/ตาก) ให้สามารถเป็นผู้ประกอบกิจการในชุมชนของตนเอง ที่สามารถอยู่รอดและอยู่ร่วมไปด้วยกันกับคนในชุมชนได้ โดยใช้ต้นทุนภูมิปัญญาที่มีวิถีวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความรู้ที่มีอยู่ในชุมชน ในการขับเคลื่อนให้เกิดรายได้ เช่น การทำผลิตภัณฑ์หรือบริการ ที่ใช้ชุมชนเป็นฐานอย่างสร้างสรรค์ โดยโปรแกรมมีระบบสนับสนุนได้แก่
1) เครื่องมือในการพัฒนาการประกอบการชุมชนอย่างมีส่วนร่วม
2) มีโค้ชให้คำปรึกษาในการทำงานแต่ละขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง
3) มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีประสบการณ์ในประเด็นที่สนใจและต้องการ
พัฒนาศักยภาพให้เข้มแข็ง ตลอดระยะเวลา 6 เดือนในโปรแกรม

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ผู้เข้าร่วมโปรแกรมจะพัฒนาการทำงานสร้างพื้นที่ต้นแบบ (Prototype) จากต้นทุนที่มี และได้ทดลองต้นแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ กับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จนมีประสบการณ์ สามารถออกแบบและจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง และถอดเป็นต้นแบบการเรียนรู้ของพื้นที่ ในการสร้างนักจัดกระบวนการเรียนรู้
ชุมชนชาติพันธุ์ เพื่อเตรียมขยายผล เข้าใจการเก็บข้อมูลผลลัพธ์ และวิธีเก็บข้อมูล เพื่อวัดผลกระทบทางสังคม จนพัฒนาตนเองเป็น “นักจัดกระบวนการเรียนรู้ชุมชนชาติพันธุ์”
2. ผู้เข้าร่วมโปรแกรมจะพัฒนาการทำงานสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype) จากต้นทุนที่มี สอดคล้องและตรงตามความต้องการของลูกค้าและ กลุ่มเป้าหมาย มีพื้นที่สื่อสารทดสอบต้นแบบโมเดลกับลูกค้าจริงๆ หาช่องทาง การตลาดและค้นพบลูกค้าที่พร้อมจะจ่ายเงินหรือลงทุนกับต้นแบบที่สร้าง สามารถสร้างรายได้จากการทดลองผลิตภัณฑ์ต้นแบบไปสู่ความยั่งยืน มีแบรนด์เป็นของตนเอง และพัฒนาตนเองเป็น “นักประกอบการชุมชนชาติพันธุ์”

Shares:
QR Code :
QR Code