สสส.สานพลังภาคีเครือข่ายภาคเหนือตอนล่าง จัดเวที “โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย” จ.พิจิตร
สำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิ เทศสัมพันธ์ (สภส.) สสส. สานพลังภาคีเครือข่ายภาคเหนื อตอนล่าง 8 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สานพลังขับเคลื่อนงานสุ ขภาวะระหว่างภาคีเครือข่าย สสส. ร่วมทบทวนบทเรียนการขับเคลื่ อนงานในพื้นที่ของตนเอง ค้นหาพื้นที่ต้นแบบ และหาแนวทางเชื่อมร้ อยการทำงานร่วมกันในอนาคต ผ่านเวที “โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย” เมื่อวันที่ 20 – 21 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมมีพรสวรรค์ อ.เมือง จ.พิจิตร และวัดบ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร
กลไกเชื่อมประสานภาคีเครือข่ ายสุขภาวะภาคเหนือตอนล่าง
กลไกสนับสนุนภาคีเครือข่ายพื้ นที่ภาคเหนือตอนล่าง สภส. ร่วมกับ มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร พัฒนากลไกในการประสานงานขับเคลื่ อนกลไกเครือข่ายภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้โครงการเชื่อมประสานภาคี เครือข่ายสุขภาวะภาคเหนือตอนล่ าง เพื่อเกิดพื้นที่รูปธรรมการเชื่ อมประสานภาคีเครือข่ายข้ ามประเด็น ข้ามพื้นที่กระบวนการขับเคลื่อนและเครื่ องมือสนับสนุนการทำงานสุ ขภาวะของภาคเหนือตอนล่าง คือ
1.เวทีสัญจร ภายใต้ชื่อ “โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย” ประสานภาคีเครือข่ายภาคเหนื อตอนล่าง โดยมีการหารือและวางเป้ าหมายและแผนงานร่วมกั นของแกนประสานจาก 8 จังหวัด โดยสัญจรเดินทางลงไปในพื้นที่ ครบทั้ง 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง ร่วมขับเคลื่อนงานและทบทวนบทเรี ยนในพื้นที่ของตนเอง และทบทวนบทเรียนเรื่ องราวการทำงานของแต่ละพื้นที่ โดยอาศัยกระบวนการ 4 ช. โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย ได้แก่
โชว์ คือ เป็นการนำเสนอสิ่งดีๆ ที่มีการดำเนินงานในพื้นที่
แชร์ คือ เป็นการชื่นชม และสื่อสารส่งต่อสิ่งดีๆจากพื้ นที่ออกสู่สาธารณะ
เชื่อม คือ เป็นการเชื่อมประสานเครือข่ ายการทำงาน ทั้งในพื้นที่ นอกพื้นที่และเครือข่ายราชการที่ เกี่ยวข้องในการหนุนเสริมซึ่งกั นและกัน
ช่วย คือ เป็นการช่วยเหลือในสิ่งที่พื้ นที่ขาด เพื่อนำไปต่อยอดสู่สิ่งใหม่ที่ ดีขึ้น
แชร์ คือ เป็นการชื่นชม และสื่อสารส่งต่อสิ่งดีๆจากพื้
เชื่อม คือ เป็นการเชื่อมประสานเครือข่
ช่วย คือ เป็นการช่วยเหลือในสิ่งที่พื้
2. กิจกรรมค้นหา 10 พื้นที่ต้นแบบใน 8 จังหวัด โดยให้แต่ละจังหวัดทบทวนการขั บเคลื่อนงานของตนเอง และนำเสนอข้อมูลพื้นที่ต้นแบบ โดยยึดหลัก 3 ทำ คือ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อเนื่อง จัดลำดับประเด็นที่มีความโดดเด่ น และมีการขับเคลื่อนอย่างเข้มข้ นไปตามลำดับ
ทิศทางการขับเคลื่ อนงานกลไกภาคเหนือตอนล่าง
ดร. ณัฐพันธุ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพั นธ์และวิเทศสัมพันธ์ (สภส.) สสส. กล่าวถึงทิศทางการขับเคลื่ อนงานกลไกภาคเหนือตอนล่างว่า ผู้ขับเคลื่อนงานด้านสุ ขภาวะควรรู้สถานการณ์ปัญหาสุ ขภาพในพื้นที่ 8 จังหวัด ภาคเหนือตอนล่างที่เกิดขึ้น เพราะนี่คือปัญหาและความท้ าทายทางสุขภาวะที่ภาคีกำลังเผชิ ญ
ตัวชี้วัดการทำงานขับเคลื่อนสุ ขภาวะสามารถดูได้จากสถานการณ์ อายุคาดเฉลี่ยของคนไทย พบว่า อายุคาดเฉลี่ยผู้ชาย คือ 71.9 ปี อายุคาดเฉลี่ยผู้หญิง คือ79.7 ปี ขณะที่อายุคาดเฉลี่ยที่ปรับด้ วยสุขภาพของประชากรไทย อายุเฉลี่ยผู้ชาย คือ 66.4 ปี และอายุเฉลี่ยผู้หญิง คือ 71.3 ปี ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่ าง พบว่าอายุเฉลี่ยของประชาชนไม่สู งมากนัก และจากข้อมูล 10 สถานการณ์สุขภาพจำแนกตามภาค ปี พ.ศ.2563 พบว่า พื้นที่ภาคเหนือมีอัตราการเสี ยชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้ อรัง (NCDs) และมะเร็ง รวมถึงอัตราการเสียชีวิตจากอุบั ติเหตุจราจร อัตราการฆ่าตัวตายสูง ข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่า นี่คือปัญหาหลักในการสร้างเสริ มสุขภาพที่ภาคีเครือข่ายภาคเหนื อตอนล่างกำลังเผชิญอยู่ โดยเราต้องมองหามาตรการหรือวิธี ป้องกันปัญหาสุขภาพเหล่านี้ร่ วมกัน
ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและเป้ าหมายยุทธศาสตร์ของการทำงานสุ ขภาวะ ระยะ 10 ปี สสส. ประกอบด้วย ยาสูบ สุราและสิ่งเสพติด อาหาร กิจกรรมทางกาย ความปลอดภัยทางถนน สุขภาพจิต มลพิษจากสิ่งแวดล้อม ปัญหาสุขภาพอุบัติใหม่ นี่คือ สาเหตุที่ทำให้อายุเฉลี่ ยของคนไทยลดลง
การทำฐานข้อมูลภาคีภาคเหนื อตอนล่าง ให้ลองมองที่ปัจจัยกำหนดสุขภาพ โดยดูว่ามีเพื่อนภาคีกลุ่ มไหนทำเรื่องอะไรอยู่ เพื่อให้เราสามารทำงานได้ ครอบคลุมมากขึ้น
หาให้เจอว่าเพื่อนช่วยอะไร มีหน้าที่อย่างไรและนำไปสู่ การทำงานด้วยกันได้อย่างไร
ทั้งนี้ นโยบายของ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. มองว่า ความสำเร็จอยู่ที่การมีการมีส่ วนร่วมของชุมชน-องค์กร เราต้องอาศัยองค์กร-ชุมชนเข้ ามาร่วมขับเคลื่อนและเกิดเป็ นเจ้าของร่วม
และร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข สปสช. สช. เป็นต้น ในการกำหนดเป้าหมาย เพื่อยกระดับให้คนไทยมีอายุ คาดเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้ นและจะนำมาสู่ การออกแบบกลไกภาคร่วมกัน
นอกจากนี้ สสส.ยังสานพลังร่วมกับองค์ การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้ว 19 แห่ง โดยหวังให้เกิดกองทุน สสส. ในระดับจังหวัด ที่ชุมชนสามารถของบประมาณได้
จากการสร้างความร่วมมือภาคส่ วนต่างๆ ร่วมกันทำงานในระดับพื้นที่ มีเป้าหมายและยุทธศาสตร์ร่ วมและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดี ยวกัน
สภส. จะร่วมสานพลังภาคีเครือข่ ายและหนุนเสริมศักยภาพภาคีให้ พร้อมขับเคลื่อนงาน ภายใต้แนวคิด Together We Can หรือ ร่วมกันเราทำได้
โดยมียุทธศาสตร์การขับเคลื่ อนงานภาคีสัมพันธ์ คือ พัฒนากลไกการเชื่อมประสาน พัฒนาระบบสนับสนุน พัฒนาระบบกลไกสื่อสาร และเปิดพื้นที่กลางแลกเปลี่ ยนเรียนรู้
ดังนั้นทิศทางสำคัญในการเดิ นทางสู่สุขภาวะในอนาคต จึงให้ความสำคัญกับการสานพลั งภาคีเครือข่าย สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน หนุนเสริมให้ชุมชน-พื้นที่ สามารถจัดการตนเองได้ การขับเคลื่อนงานสามารถรองรั บบริบททางสังคมที่หลากหลาย ภาคีมีการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ ยนแปลง มีทักษะใหม่เพื่อรองรับปัญหาสุ ขภาวะใหม่ ตลอดจนพัฒนานวั ตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ สามารถบริหารจัดการและใช้ข้อมู ล เพื่อเพิ่มปัจจัยเชิงบวก ยับยั้งปัจจัยเชิงลบได้
เวทีฯ ครั้งนี้อยากให้ภาคีเครือข่ายขั บเคลื่อนงานสุขภาวะไปให้ถึงเป้ าหมายของกลไกภาคเหนือตอนล่ างและสามารถจัดการปัญหาสุ ขภาพของตัวเองได้
กลไกเชื่อมประสานภาคีเครือข่ ายสุขภาวะภาคเหนือตอนล่าง
วรารัตน์ หมวกยอด แกนนำจังหวัดพิจิตร ผู้รับผิดชอบโครงการเชื่ อมประสานภาคีเครือข่ายสุ ขภาวะภาคเหนือตอนล่าง เล่าว่า
กลไกเชื่อมประสานภาคีเครือข่ ายสุขภาวะภาคเหนือตอนล่าง มีมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตรเป็ นแกนกลางในการประสานงานขับเคลื่ อนกลไก ร่วมกับคีย์แมนแต่ละจังหวัด เรามีเป้าหมายร่วมกันทั้ง 8 จังหวัด คือพัฒนาตัวเราให้เป็นกลไกระดั บภาค และเกิดกลไกของตัวเองขึ้นในแต่ ละจังหวัด ด้านระบบจัดการที่สนับสนุ นการทำงาน คือ 1.เกิดระบบการจัดการฐานข้อมูล ยกระดับการจัดการข้อมูลทุนศั กยภาพของพื้นที่ นำมาสู่การพัฒนาเป็ นระบบเทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่ อสารสาธารณะ 2.การจัดการความรู้ด้ วยกระบวนการถอดบทเรียน 3.การสื่อสานงานในพื้นที่ ในรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์ เพื่อขับเคลื่อนการทำงานระหว่ างกัน 4.เปิดพื้นที่กลางแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ ในรูปแบบ “โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย”
วรารัตน์ หมวกยอด แกนนำจังหวัดพิจิตร ผู้รับผิดชอบโครงการเชื่
กลไกเชื่อมประสานภาคีเครือข่
เวที “โชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย” จ.พิจิตร เป็นกิจกรรมเวทีสัญจรที่ภาคี เครือข่ายสัญจรมาเป็นที่สุดท้าย ซึ่งภาคีเครือข่ายได้เรียนรู้ ครบทุกประเด็น และเครือข่ายที่จะนำมาร่วมขั บเคลื่อนงานต้องเป็นคน/องค์กร/ หน่วยงาน ที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับภาคี นอกจากนี้เวทีครั้งนี้ภาคีเครื อข่ายยังมีเป้าหมายและทิศทางร่ วมกันที่ต้องกลับไปเคลื่อนงานต่ อในพื้นที่ และยังเกิดภาคีเครือข่ายที่เชื่ อมประเด็น เชื่อมพื้นที่ เช่น ขับเคลื่อนระบบรองรับสังคมผู้สู งอายุ ประเด็นอาหารปลอดภัย เด็กและเยาวชน ซึ่งเห็นชัดเจนว่าใครอยากเคลื่ อนงานประเด็นอะไร สามารถรวมกลุ่มการทำงานข้ามพื้ นที่ได้
“เสียงจากภาคีเครือข่ายเข้าร่ วมบอกเราว่า เวทีโชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย เป็นพื้นที่เปิดที่ทุ กคนสามารถเข้ามาร่วมแลกเปลี่ ยนได้จริง กระบวนการที่ทำก่อเกิดความเป็ นเพื่อนข้ามจังหวัด เกิดการประสานงานและแชร์ทรั พยากรได้จริง ไม่เพียงแค่ภาคีเครือข่าย สสส. เท่านั้นที่เข้าร่วม ยังมีภาคีหน่วยงานอื่นๆ เช่น สปสช. สช. พอช. ในพื้นที่เข้าร่วมด้วย และหลายองค์กรเกิดการเชื่อมงาน สามารถต่อยอดงานกันได้”
ฟังเสียงภาคีเครือข่าย สสส.
บุญธรรม จ้อยสุดใจ โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การพั ฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่ วมระดับตำบลเพื่อรองรับสังคมสู งวัย อ.โพทะเล จ.พิจิตร
ในฐานะที่เป็นผู้จัดการการดู แลผู้สูงอายุ (care manager) ดูแลเรื่องผู้สูงอายุที่ติดบ้ าน-ติดเตียง ต.วัดขวาง อ.โพทะเล จ.พิจิตร พบว่า นับตั้งแต่ปี 2561 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้ นปีละ 2-3% แต่ในปี 2567 มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึง 24% ที่มาพร้อมกับความเสื่ อมโทรมและความเจ็บป่วยของร่ างกาย มีโรคประจำตัว หรือเจ็บป่วยจากสภาพแวดล้อมในบ้ านที่ไม่เหมาะสม เช่น พลัดตก หกล้มในบ้าน จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
บุญธรรม จ้อยสุดใจ โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การพั
ในฐานะที่เป็นผู้จัดการการดู
ชุมชนวัดขวางขับเคลื่อนประเด็ นผู้สูงอายุโดยแกนนำชุมชนคุ ณธรรมวัดขวาง เพื่อร่วมสร้างสังคมไม่ทอดทิ้ งกัน ขับเคลื่อนร่วมกับ รพสต. อบต. วัด ผู้นำชุมชน อสม. และผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มี ภาวะพึ่งพิง โดยเตรียมคนวัยทำงานให้พร้อม มีสุขภาพดีตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดปัญหาสุขภาพในวัยสูงอายุ
คณะทำงานกำหนดเป้าหมายทำกิ จกรรมระดับชุมชน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกั นว่าสังคมสูงวัยเป็นสังคมของทุ กคน คนในครอบครัวต้องมีส่วนร่ วมในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันก็ดูแลสุขภาพตั วเองคู่ไปด้วย โดยมีกลุ่มผู้สูงอายุสำรอง คือคนวัยทำงานที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ที่เป็นจิตอาสาที่ดูแลผู้สู งอายุ เป็นแกนหลักกิจกรรมที่พาผู้สู งอายุและคนวัยทำงานปรับเปลี่ ยนพฤติกรรมการกิน ให้ความรู้และทางเลือกในการกิ นอาหาร มีเครื่องมือวัดความเค็มในอาหาร
เนื่องจากในพื้นที่ประชาชนติ ดพฤติกรรมกินรสชาติเค็มจั ดและหวานจัด อาหารบางอย่างส่งผลเสียกับสุ ขภาพ นำมาซึ่งความเจ็บป่วยมากมาย คณะทำงานได้กำหนดนโยบายในพื้นที่ ปี 2562-2563 ลงลึกในหมู่บ้าน ผู้นำชุมชนลงไปทำกิจกรรมทั้ง 8 หมู่บ้าน ไปร่วมคุยในเวทีประชุมประจำเดื อน นำความรู้และเรื่องราวสุ ขภาพไปจัดกิจกรรม ทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก ปรับอารมณ์ แนะนำวิธีออกกำลังกาย ให้ความรู้เรื่องการปรุงอาหาร เป็นต้น จากการการประเมินก่อนและหลั งทำกิจกรรม พบว่า ผู้สูงอายุและประชาชนในพื้นที่ ที่เป็นเบาหวาน ความดัน เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติ กรรมและตัวเลขความเสี่ยงต่ อการเป็นเบาหวาน ความดันลดลง นับตั้งแต่ปี 2565 แนวโน้มผู้ป่วยก็ลดลง นอกจากนี้เรายังปรับเรื่ องสภาพแวดล้อมในบ้านให้เอื้อต่ อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ ยากจน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิ ดขึ้น
“การเข้าร่วมเวทีโชว์ แชร์ เชื่อม ช่วย จ.พิจิตร ได้เห็นการริเริ่มที่ จะออกแบบกลไกและระบบสนับสนุ นการทำงานร่วมกันในระดับจังหวั ดและระดับภาคที่ชัดเจนขึ้น โดยมีแนวโน้มที่จะใช้ประเด็ นการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยเป็ นประเด็นร่วม ให้เกิดการเชื่อมร้อยร่วมกั บประเด็นอื่นๆ เช่น การจัดการหรือการเตรียมการที่ จะจัดพื้นที่ของตัวเองให้รองรั บสังคมสูงวัย และหลายๆ พื้นที่เห็นช่องทางที่บางพื้นที่ ดำเนินการไปแล้ วจนประสบความสำเร็จ เขาก็สามารถแลกเปลี่ยนกั นจนสามารถทำงานต่อได้เลยโดยไม่ ต้องเริ่มต้นใหม่ เช่น การแบ่งปันสื่อเรียนรู้สำหรับผู้ สูงอายุ ที่พื้นที่ต่างๆ สามารถนำไปใช้ต่อยอดได้ และทำให้ภาคีเครือข่ ายสามารถขยายงานได้เพิ่มมากขึ้ น”